ภาพกิจกรรม

เมื่อวันที่ 14–17 ตุลาคม 2568 คณะนักวิจัยจาก สถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับคณาจารย์จาก คณะมนุษยศาสตร์ และ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เดินทางเข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนทางวิชาการและสำรวจพื้นที่ย่านเมืองเก่าฮิเซนฮามะ จังหวัดซากะ ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้ความร่วมมือทางวิชาการกับ มหาวิทยาลัยซากะ

คณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ประกอบด้วย ดร.ณัฐสิทธิ์ ศรีนุรักษ์, ดร.จันทร์จิรา สุขไหว, ผศ.ดร.ธัญญารัตน์ อภิวงค์, อ.ดร.ปิยวิศว์ มูลขำ, ผศ.ดร.วรสิทธิ์ ตันตินิพันธุ์กุล และ อ.ดร.ศศิประภา ศรีไกรภักดิ์ ร่วมกันนำเสนอผลการดำเนินงานในโครงการวิจัยเรื่อง “ความคงทนของเมืองเก่าด้านการอพยพหนีภัย : การสร้างฉากทัศน์จำลองดิจิทัลเพื่อประเมินความเสี่ยงภัยพิบัติของเมืองมรดกที่ยังมีชีวิตในพื้นที่ลุ่มต่ำ” ซึ่งอยู่ภายใต้ทุนความร่วมมือระหว่าง สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และ องค์การส่งเสริมวิชาการแห่งประเทศญี่ปุ่น (JSPS) ประจำปี 2568

ในการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ร่วมอภิปรายและนำเสนอผลงานร่วมกับคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยซากะ ประกอบด้วยศ.ดร.โนบุโอะ มิชิม่า, ศ.ดร.เรียวทาโร่ โกโตะ, ศ.ดร.โชอิจิ โคจิม่า, รศ.ดร.ทาคายูกิ ฟุจิคามิ, รศ.ดร.ยูอิจิโร่ มิชิม่า และนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาพร้อมหารือแนวทางความร่วมมือในอนาคต อาทิ โครงการ STEPs (StudenT Excellent and Progressive spirit) เพื่อแลกเปลี่ยนนักศึกษานานาชาติ และโครงการ Strategic Partnership Project เพื่อส่งเสริมการจับคู่ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยในระดับนานาชาติ

นอกจากการประชุมทางวิชาการแล้ว คณะวิจัยยังได้ลงพื้นที่สำรวจย่านเมืองเก่าฮิเซนฮามะ เพื่อเรียนรู้แนวทาง การอนุรักษ์เมืองผ่านกระบวนการ “Machizukuri” ซึ่งเป็นกระบวนการฟื้นฟูและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนท้องถิ่น โดยมี ศ.ดร.โนบุโอะ มิชิม่า เป็นวิทยากรหลักในการนำชมพื้นที่จริง

การลงพื้นที่ดังกล่าวมุ่งเน้นการเรียนรู้เชิงลึกในประเด็น การมีส่วนร่วมของชุมชน, การลดความเสี่ยงภัยพิบัติ, การออกแบบชุมชนเมือง, และมิติทางมานุษยวิทยา เพื่อพัฒนาความเข้าใจร่วมกันและต่อยอดเป็น บทความวิชาการ กิจกรรม และโครงการวิจัยร่วมกันในอนาคต

กิจกรรมครั้งนี้สะท้อนถึงความร่วมมือที่แน่นแฟ้นระหว่างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และมหาวิทยาลัยซากะ ที่มุ่งสร้างองค์ความรู้ใหม่ด้าน การจัดการเมืองมรดก การลดความเสี่ยงภัยพิบัติ และการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนในบริบทนานาชาติ